นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่หวั่นกฎอัยการศึก ยังเที่ยวไทยได้
ด้านผู้ประกอบการย่านข้าวสารบ่นอุบ ตั้งแต่มีเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง
ซ้ำประกาศกฎอัยการศึกยิ่งทำย่ำแย่
ภายหลังจากเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้(20 พ.ค. 57) กองทัพบก โดย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก
แม้จะมีถ้อยแถลงว่า ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
แต่ตามย่านท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อาทิ
ย่านถนนข้าวสาร ก็เริ่มมีการพูดคุยถึงหัวข้อนี้กันบ้างแล้ว
MISS Manon นักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า
ทราบข่าวการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้วจากการอ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตเมื่อช่วง
เช้า ส่วนตัวตนไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรกับนักท่องเที่ยว
เพราะยังสามารถมาเที่ยวเมืองไทยได้เหมือนเดิม
อย่างตนเองก็ยังท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครได้ตามปกติ
แต่การเดินทางอาจจะไม่สะดวกบ้าง เพราะรถติด
ส่วน
Mr.John นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน กล่าวว่า
ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวว่ามีการประกาศใช้กฎอัยการศึกก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย
แต่พอสังเกตคนไทยที่อยู่บริเวณถนนข้าวสารก็ยังใช้ชีวิตปกติ
และตนก็ได้สอบถามพนักงานของโรงแรมที่พักถึงเรื่องนี้ จึงหายกลัว
และเข้าใจว่ายังสามารถเที่ยวได้ตามปกติ ไม่ได้มีเหตุรุนแรงอะไรเกิดขึ้น
แต่ถึงอย่างไรตนก็มีแผนจะไปท่องเที่ยวต่อที่ประเทศอื่นอยู่แล้ว
จึงไม่ได้รู้สึกกลัวเพราะจะอยู่ที่ประเทศไทยไม่กี่วัน
สำหรับ
นางสมจิตร ชาวบ้านที่มาซื้อของในย่านบาง
ลำพู แสดงความคิดเห็นว่า
เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้นไม่คิดว่ามีผลกระทบกับตนมากนัก
ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้ามาในย่านกลางเมือง
หรือย่านที่มีกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากการจราจรติดขัด
แต่ที่มาวันนี้เพราะจำเป็นต้องเข้ามาซื้อของที่ย่านบางลำพู
เลยถือโอกาสมาไหว้พระที่วัดชนะสงคราม และวัดบวรนิเวศวิหาร
ด้านผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวย่านถนนข้าวสาร กล่าวว่า
ตั้งแต่มีม็อบ นักท่องเที่ยวลดลงจากเดิมมาก ถึงมากที่สุด นักท่องเที่ยวลดลง
จากวันละ 3000 คน เหลือไม่ถึง 300 คน จากปกติขายไม่ขาดทุน แต่ตอนนี้ขาดทุน
คือในช่วงเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ปีนี้โลว์ฯ มากถึงมากที่สุด
ปกติโลว์ฯ ของเราคือประมาณ 60%-40% คือเราขายได้ประมาณ 40%
แต่ช่วงนี้ขายได้ไม่ถึง 20% โดยจากปีก่อนๆ
ในช่วงพฤษภาคมนักท่องเที่ยวก็จะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ช่วงนี้เงียบมากๆ
ถ้าให้คิดก็สมมติจากเดิม 10 คน ตอนนี้ก็เหลือ 2 - 3 คน
“หลังจากที่ประกาศกฎอัยการศึกก็คิดว่านักท่องเที่ยวจะน้อยลงมากกว่า
เดิมอีก ดูได้จากตอนที่ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน คราวก่อน
นักท่องเที่ยวก็จะลดลงหนักขึ้นไปอีก วันนี้เรายังไม่รู้หรอก
แต่พอหลังจากนี้สัก 1 อาทิตย์ นักท่องเที่ยวก็จะเริ่มแคนเซิลกัน
เหมือนช่วงที่ พรก.ฉุกเฉิน ประกาศ หลังจากนั้นอาทิตย์นึง
ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เงียบสนิทมาก
แต่พอยกเลิกก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามา
แล้วตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองก็เป็นแบบนี้อีก นักท่องเที่ยวก็คงจะหายไปอีก”
“ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไม่กลัวเหตุการณ์ต่างๆ ก็มี
แต่นักท่องเที่ยวบางส่วนก็จะต่อไปยังภาคใต้ หรือไปประเทศเพื่อนบ้าน
จากปกตินักท่องเที่ยวจะมาอยู่ที่ไทย 5 วัน แล้วไปที่อื่น 2 วัน
ตอนนี้ก็กลายมาเป็นนักท่องเที่ยวอยู่ไทย 2 วัน ไปที่อื่น 5 วัน
ยิ่งถ้าเป็นช่วงเหตุการณ์แบบนี้บางคนก็แค่มาต่อเครื่องไปที่อื่นต่อ
ไม่มาอยู่เที่ยวที่ไทยเลย”
ส่วน
พนักงานโรงแรม RIKKA INN ถนนข้าวสาร
เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวของโรงแรมยังเยอะเหมือนปกติ
ไม่เหมือนช่วงเหตุการณ์ตอนเสื้อแดงเผาเมือง ปี 2553
ช่วงนั้นนักท่องเที่ยวลดลงมาก จากห้องพัก 100 ห้อง
เหลือนักท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 20 ห้อง แต่ตอนนี้ห้องพัก 100 ห้อง
มีการเข้าพักประมาณ 90 ห้อง
ซึ่งที่ห้องพักว่างก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมือง
เนื่องจากช่วงนี้เป็นเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงโลว์ซีซั่น
นักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงเหมือนกับปีก่อนๆ ซึ่งแทบไม่แตกต่างกันเลย
“อย่างวันนี้ที่มีการประกาศกฎอัยการศึกก็ยังไม่มีนักท่องเที่ยวแคน
เซิล ก็ยังมีนักท่องเที่ยวจองห้องพักเข้ามาเรื่อยๆ
บางส่วนก็มีวอล์กอินเข้ามา
นักท่องเที่ยวที่อยู่ตอนนี้เมื่อทราบเรื่องประกาศกฏอัยการศึก
ก็ยังไม่มีการยกเลิก มีก็เพียงแต่มาถามว่าจะไปมาบุญครองจะออกไปได้มั้ย
จะถามเรื่องการเดินทางมากกว่า
เพราะนักท่องเที่ยวคงรู้ว่าเมืองไทยคงไม่รุนแรงเหมือนต่างประเทศ
ก็เลยไม่ได้กลัวอะไร”
สำหรับร้านค้า
นางตุ๊กตา
เจ้าของร้านอาหารตามสั่งในซอยรามบุตรี กล่าวว่า
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาสั่งข้าวกินที่ร้านก็ลดน้อยลงมาก
ตั้งแต่ช่วงมีการชุมนุมก็ลดลงเรื่อยๆ
บางคนก็มีเข้ามาถามบ้างว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
สามารถท่องเที่ยวต่อได้หรือไม่ อย่างวันนี้พอมีการประกาศกฎอัยการศึกแล้ว
ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติคนหนึ่งเข้ามาถามถึงสถานการณ์บ้านเมือง
ตนก็บอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว แต่นักท่องเที่ยวคนนั้นกล่าวว่า
เขากลัวว่าจะมีสงคราม จึงอาจจะไปเที่ยวที่ประเทศอื่นแทน
ที่มา - manager.co.th