วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Microsoft เปิดตัว Surface Pro 3 แท็บเล็ตที่หมายแทนที่โน้ตบุ๊ก

     เปิดตัว Surface Pro 3 แท็บเล็ตไฮบริดบางเฉียบ จอ 12 นิ้ว ออกแบบมาเพื่อทดแทนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก

 เปิดตัว Surface Pro 3 แท็บเล็ตไฮบริดบางเฉียบ จอ 12 นิ้ว ออกแบบมาเพื่อทดแทนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (© AP) 

เมื่อคืนวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา Microsoft ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อเปิดตัว Surface Pro 3 แท็บเล็ตไฮบริดรุ่นใหม่หมดจรด ที่ได้รับการอัพเกรดเพิ่มขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนเป็น 12 นิ้ว (อัตราส่วน 3:2) ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล แต่กลับมีน้ำหนักเบาลงเหลือ 800 กรัม และบางลง 9.1 มม. ภายในขับเคลื่อนด้วยชิพประมวลผล Intel Core ที่มีให้เลือกครบทั้งรุ่น i3, i5 และ i7 ทรงพลังระดับเดียวกับที่ใช้ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก พร้อมช่อง USB 3.0 ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 รองรับการใช้งานทั้งโปรแกรมสำหรับคอมพิวเตอร์พีซีและแอพสำหรับแท็บเล็ต ขาตั้งด้านหลังได้รับการปรับปรุงใหม่ให้พับกางได้มากสุด 150 องศา วางใช้งานบนตักได้สบายมากขึ้น เช่นเดียวกับคีย์บอร์ด Type cover รุ่นใหม่ ที่นอกจากจะบางลงเบาลงด้วยแล้ว ยังได้รับการออกแบบมาให้มีส่วนของทัชแพดที่กว้างขึ้น สามารถปรับให้วางชันขึ้นมาได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 9 ชม. และเป็นที่ชัดเจนว่า Surface Pro 3 ได้สร้างจุดเด่นในเรื่องของการเป็นแท็บเล็ตที่สามารถใช้งานทดแทนคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กได้ในแบบไม่เคยมีมาก่อน
Surface Pro 3 เตรียมวางขายในราคาเริ่มต้นที่ 799 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 26,000) บาทสำหรับรุ่น Intel Core i3 มีกำหนดเริ่มวางขายภายในประเทศไทยในช่วงเดือนสิงหาคมที่กำลังจะถึงนี้

ดูเพิ่มเติม ได้ที่นี่

วันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วันนี้ไปกินลาบกันที่ร้านลาบเป็ดอุดร

     บอกไว้ก่อนครับว่านี่ไม่ใช่การรีวิวอาหารแต่อย่างใด เพราะว่าลิ้นจระเข้อย่างเราเอาอิ่มเข้าว่าจ้า..ก็แค่อยากบอกว่าไปกินอะไรที่ไหนหน้าตารสชาติแป็นยังไง ตามความรู้สึกของเราเอง เรื่ออาหารอย่างมากก็ลาบส้มตำเท่านี้แหละที่พอจะลิ้มรสได้ อาหารหรูๆในที่หรูๆนั้นอย่าหวัง มันไม่ใช่แนวของเราอะ อิอิ
     มันคือมะม่วงมัน
      น่าจะเป็นเขียวเสวย รึปล่าวไม่แน่ใจ จานแรกไม่อยู่ในแมนูนะจ๊ะ เค้าเอามาให้ชิมเผื่อติดใจชื้ไอ้ที่เค้าวางขายโลละ 60 กลับไปฝากลูกเมีย แต่เราก็หน้ามึน กินเฉยจร้าไม่มีใครซื้อซักคน..55
     เป็ดปักกิ่ง เป็ดเทศ รึเป็ดไร่ทุ่ง ก็ไม่รู้ครับไม่ได้ถาม หน้าคาธรรมดารสชาติไม่จัดจ้านนัก
     ให้น้อยไปหน่อยนะร้านอื่นที่เคยกินให้ผักสดเยอะหลากหลายชนิดและน่ากินกว่านี้
     หน้าตาไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่รสชาติเค็มบรรลัยใส้ ฮ่าๆๆ สงสัยปลาร้าหมักนานไปหน่อย

     จานนี้ถูกปากผมที่สุดไม่เหนียวมาไม่กรอบมากเค็มกำลังดี อร่อยใช้ได้ แต่หน้าตาธรรมดานะ ก็แค่หมูแดดเดียวอะนะ จะให้หล่อไปไหน แต่เคยเห็นที่อื่นมันดูดีกว่านี้นี่ ออิอิ..
     จานนี้ไม่ไหวครับแพงกว่าเพื่อนแต่ทำไมรสชาติมันเยี่ยงนี้ทำเสียไส้หมด ฮ่าๆๆ
     อันนี้ไม่ผิดหวังครับ แซ็บสมชื่อเอ็นเคี่ยวจนนุ่มไม่เหนียวเลยครับ ต้องยกนิ้วให้สำหรับเมนูนี้..
เค็มจุงเบย อิอิ
     เหมือนเอานิ้อไปปั่นนะ ละเอียดเกิ้น ถ้าสับจะน่ากินกว่านี้ แต่ก็อีกนั่นหละ รสชาติไม่ผ่าน ไม่ขมไม่เผ็ดไม่แซ็บ ไม่มีแนวแก้เลี่ยนพวกพริกขี้หนูกับกระเทียมสดมาให้ด้วย ดีที่มี 40 ดีกรีไว้แก้เลี่ยน อิอิ
     นี่ป้ายหน้าร้าน ราคาไม่แพงมาก บรรยากาศ ก็โล่งนั่งสบายดีไม่ร้อนมาก ปกติก็ร้อยอยู่แล้วแถวนี้ เสีอย่างเดียวตอนนี้มีที่จอดรถเทลเลอร์ใกล้ๆ เซงเบย

วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

นักท่องเที่ยว ถ.ข้าวสาร ไม่หวั่นกฎอัยการศึก-ส่วนผู้ประกอบการบ่นอุบทำย่ำแย่

นักท่องเที่ยว ถ.ข้าวสาร ไม่หวั่นกฎอัยการศึก-ส่วนผู้ประกอบการบ่นอุบทำย่ำแย่
       นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่หวั่นกฎอัยการศึก ยังเที่ยวไทยได้ ด้านผู้ประกอบการย่านข้าวสารบ่นอุบ ตั้งแต่มีเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง ซ้ำประกาศกฎอัยการศึกยิ่งทำย่ำแย่
      
       ภายหลังจากเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้(20 พ.ค. 57) กองทัพบก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก แม้จะมีถ้อยแถลงว่า ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ตามย่านท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อาทิ ย่านถนนข้าวสาร ก็เริ่มมีการพูดคุยถึงหัวข้อนี้กันบ้างแล้ว
      
       MISS Manon นักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า ทราบข่าวการประกาศใช้กฎอัยการศึกแล้วจากการอ่านข่าวในอินเตอร์เน็ตเมื่อช่วง เช้า ส่วนตัวตนไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรกับนักท่องเที่ยว เพราะยังสามารถมาเที่ยวเมืองไทยได้เหมือนเดิม อย่างตนเองก็ยังท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานครได้ตามปกติ แต่การเดินทางอาจจะไม่สะดวกบ้าง เพราะรถติด
      
       ส่วน Mr.John นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวว่ามีการประกาศใช้กฎอัยการศึกก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่พอสังเกตคนไทยที่อยู่บริเวณถนนข้าวสารก็ยังใช้ชีวิตปกติ และตนก็ได้สอบถามพนักงานของโรงแรมที่พักถึงเรื่องนี้ จึงหายกลัว และเข้าใจว่ายังสามารถเที่ยวได้ตามปกติ ไม่ได้มีเหตุรุนแรงอะไรเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรตนก็มีแผนจะไปท่องเที่ยวต่อที่ประเทศอื่นอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกกลัวเพราะจะอยู่ที่ประเทศไทยไม่กี่วัน
      
       สำหรับ นางสมจิตร ชาวบ้านที่มาซื้อของในย่านบาง ลำพู แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องการประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้นไม่คิดว่ามีผลกระทบกับตนมากนัก ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้ามาในย่านกลางเมือง หรือย่านที่มีกลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากการจราจรติดขัด แต่ที่มาวันนี้เพราะจำเป็นต้องเข้ามาซื้อของที่ย่านบางลำพู เลยถือโอกาสมาไหว้พระที่วัดชนะสงคราม และวัดบวรนิเวศวิหาร
      
       ด้านผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวย่านถนนข้าวสาร กล่าวว่า ตั้งแต่มีม็อบ นักท่องเที่ยวลดลงจากเดิมมาก ถึงมากที่สุด นักท่องเที่ยวลดลง จากวันละ 3000 คน เหลือไม่ถึง 300 คน จากปกติขายไม่ขาดทุน แต่ตอนนี้ขาดทุน คือในช่วงเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ปีนี้โลว์ฯ มากถึงมากที่สุด ปกติโลว์ฯ ของเราคือประมาณ 60%-40% คือเราขายได้ประมาณ 40% แต่ช่วงนี้ขายได้ไม่ถึง 20% โดยจากปีก่อนๆ ในช่วงพฤษภาคมนักท่องเที่ยวก็จะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ช่วงนี้เงียบมากๆ ถ้าให้คิดก็สมมติจากเดิม 10 คน ตอนนี้ก็เหลือ 2 - 3 คน

นักท่องเที่ยว ถ.ข้าวสาร ไม่หวั่นกฎอัยการศึก-ส่วนผู้ประกอบการบ่นอุบทำย่ำแย่
       “หลังจากที่ประกาศกฎอัยการศึกก็คิดว่านักท่องเที่ยวจะน้อยลงมากกว่า เดิมอีก ดูได้จากตอนที่ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน คราวก่อน นักท่องเที่ยวก็จะลดลงหนักขึ้นไปอีก วันนี้เรายังไม่รู้หรอก แต่พอหลังจากนี้สัก 1 อาทิตย์ นักท่องเที่ยวก็จะเริ่มแคนเซิลกัน เหมือนช่วงที่ พรก.ฉุกเฉิน ประกาศ หลังจากนั้นอาทิตย์นึง ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เงียบสนิทมาก แต่พอยกเลิกก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามา แล้วตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองก็เป็นแบบนี้อีก นักท่องเที่ยวก็คงจะหายไปอีก”
      
       “ซึ่งนักท่องเที่ยวที่ไม่กลัวเหตุการณ์ต่างๆ ก็มี แต่นักท่องเที่ยวบางส่วนก็จะต่อไปยังภาคใต้ หรือไปประเทศเพื่อนบ้าน จากปกตินักท่องเที่ยวจะมาอยู่ที่ไทย 5 วัน แล้วไปที่อื่น 2 วัน ตอนนี้ก็กลายมาเป็นนักท่องเที่ยวอยู่ไทย 2 วัน ไปที่อื่น 5 วัน ยิ่งถ้าเป็นช่วงเหตุการณ์แบบนี้บางคนก็แค่มาต่อเครื่องไปที่อื่นต่อ ไม่มาอยู่เที่ยวที่ไทยเลย”
      
       ส่วน พนักงานโรงแรม RIKKA INN ถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวของโรงแรมยังเยอะเหมือนปกติ ไม่เหมือนช่วงเหตุการณ์ตอนเสื้อแดงเผาเมือง ปี 2553 ช่วงนั้นนักท่องเที่ยวลดลงมาก จากห้องพัก 100 ห้อง เหลือนักท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 20 ห้อง แต่ตอนนี้ห้องพัก 100 ห้อง มีการเข้าพักประมาณ 90 ห้อง ซึ่งที่ห้องพักว่างก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางการเมือง เนื่องจากช่วงนี้เป็นเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงโลว์ซีซั่น นักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงเหมือนกับปีก่อนๆ ซึ่งแทบไม่แตกต่างกันเลย
      
       “อย่างวันนี้ที่มีการประกาศกฎอัยการศึกก็ยังไม่มีนักท่องเที่ยวแคน เซิล ก็ยังมีนักท่องเที่ยวจองห้องพักเข้ามาเรื่อยๆ บางส่วนก็มีวอล์กอินเข้ามา นักท่องเที่ยวที่อยู่ตอนนี้เมื่อทราบเรื่องประกาศกฏอัยการศึก ก็ยังไม่มีการยกเลิก มีก็เพียงแต่มาถามว่าจะไปมาบุญครองจะออกไปได้มั้ย จะถามเรื่องการเดินทางมากกว่า เพราะนักท่องเที่ยวคงรู้ว่าเมืองไทยคงไม่รุนแรงเหมือนต่างประเทศ ก็เลยไม่ได้กลัวอะไร”
      
       สำหรับร้านค้า นางตุ๊กตา เจ้าของร้านอาหารตามสั่งในซอยรามบุตรี กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาสั่งข้าวกินที่ร้านก็ลดน้อยลงมาก ตั้งแต่ช่วงมีการชุมนุมก็ลดลงเรื่อยๆ บางคนก็มีเข้ามาถามบ้างว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สามารถท่องเที่ยวต่อได้หรือไม่ อย่างวันนี้พอมีการประกาศกฎอัยการศึกแล้ว ก็มีนักท่องเที่ยวต่างชาติคนหนึ่งเข้ามาถามถึงสถานการณ์บ้านเมือง ตนก็บอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัว แต่นักท่องเที่ยวคนนั้นกล่าวว่า เขากลัวว่าจะมีสงคราม จึงอาจจะไปเที่ยวที่ประเทศอื่นแทน

ที่มา - manager.co.th

วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

แผ่นดินไหว

ความเชื่อในสมัยโบราณ

     คนในสมัยโบราณมีความเชื่อว่าแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิด เกิดจากฝีมือของเทพเจ้าหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น ชาวโรมันโบราณคิดว่าเทพเจ้าที่ชื่อว่า วัลแคน อาศัยอยู่ในภูเขาไฟ เทพองค์นี้ทรงเป็นช่างตีเหล็กให้กับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เมื่อใดที่มีควันและเปลวไฟพุ่งออกมาจากภูเขาไฟ ชาวโรมันก็คิดว่าเทพเจ้าวัลแคนกำลังติดไฟในเตาหลอมอยู่ และเมื่อแผ่นดินสั่นสะเทือนก็หมายถึงว่าเทพเจ้าวัลแคนกำลังตีเหล็กหลอมอยู่บนทั่ง

เทพเจ้าวัลแคน

     ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าเทพเจ้าองค์หนึ่ง มีชื่อว่า โพไซดอน เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหว เทพเจ้าโพไซดอนมีรูปร่างขนาดใหญ่ เมื่อพิโรธก็จะกระทืบเท้า ทำให้เกิดแผ่นดินไหว




เทพเจ้าโพไซดอน

     ส่วนชาวฮินดูในประเทศอินเดียเชื่อว่าโลกของเราตั้งอยู่บนถาดทองคำซึ่งวางอยู่บนหลังช้างหลายเชือกติดกัน เมื่อใดที่ช้างเคลื่อนไหว โลกก็จะสั่นสะเทือนไปด้วย และเกิดเป็นแผ่นดินไหว ส่วนคนญี่ปุ่นเชื่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่า มีปลาดุกยักษ์อยู่ใต้พื้นดิน และเมื่อใดที่ปลาดุกยักษ์พลิกตัวหรือขยับเขยื้อนแต่ละครั้ง ก็จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว ความเชื่อของคนไทยโบราณคล้ายคลึงกับคนญี่ปุ่นแต่เปลี่ยนเป็น ปลาอานนท์ ใต้เขาพระสุเมรุพลิกตัว

 ปลาอานนท์

     แผ่นดินไหว เป็นปรากฏการณ์สั่นสะเทือนหรือเขย่าของพื้นผิวโลก เพื่อปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล ซึ่งแผ่นดินไหวสามารถก่อให้เกิดความเสียหายและภัยพิบัติต่อบ้านเมือง ที่อยู่อาศัย สิ่งมีชีวิต ส่วนสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวนั้นส่วนใหญ่เกิดจากธรรมชาติ โดยแผ่นดินไหวบางลักษณะสามารถเกิดจากการกระทำของมนุษย์ได้ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่าที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ นักธรณีวิทยาประมาณกันว่าในวันหนึ่ง ๆ จะเกิดแผ่นดินไหวประมาณ 1,000 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแผ่นดินไหวที่มีการสั่นสะเทือนเพียงเบา ๆ เท่านั้น คนทั่วไปไม่รู้สึก


     แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (แนวระหว่างรอยต่อธรณีภาค) ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของชั้นหินขนาดใหญ่เลื่อน เคลื่อนที่ หรือแตกหักและเกิดการโอนถ่ายพลังงานศักย์ ผ่านในชั้นหินที่อยู่ติดกัน พลังงานศักย์นี้อยู่ในรูปคลื่นไหวสะเทือน

     ศูนย์เกิดแผ่นดินไหวมักเกิดตามรอยเลื่อน อยู่ในระดับความลึกต่าง ๆ ของผิวโลก เท่าที่เคยวัดได้ลึกสุดอยู่ในชั้นแมนเทิล ส่วนจุดที่อยู่ในระดับสูงกว่า ณ ตำแหน่งผิวโลก เรียกว่า จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว โดยการศึกษาเรื่องแผ่นดินไหวและคลื่นสั่นสะเทือนที่ถูกส่งออกมา เรียกว่า วิทยาแผ่นดินไหว เมื่อจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่อยู่นอกชายฝั่ง อาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังอาจก่อให้เกิดดินถล่ม และบางครั้งกิจกรรมภูเขาไฟตามมาได้

                                              ลักษณะของกาเกิดรอยเลื่อน
     แผ่นดินไหววัดโดยใช้การสังเกตจากไซสโมมิเตอร์ (seismometer) มาตราขนาดโมเมนต์เป็นมาตราที่ใช้มากที่สุดซึ่งทั่วโลกรายงานแผ่นดินไหวที่มีขนาดมากกว่าประมาณ 5 สำหรับแผ่นดินไหวอีกจำนวนมากที่ขนาดเล็กกว่า 5 แมกนิจูด สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหวแต่ละประเทศจะวัดด้วยมาตราขนาดท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ หรือเรียก มาตราริกเตอร์ สองมาตรานี้มีพิสัยความถูกต้องคล้ายกันในเชิงตัวเลข แผ่นดินไหวขนาด 3 หรือต่ำกว่าส่วนใหญ่แทบไม่รู้สึกหรือรู้สึกได้เบามาก ขณะที่แผ่นดินไหวตั้งแต่ขนาด 7 อาจก่อความเสียหายรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง ขึ้นอยู่กับความลึก แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มีขนาดมากกว่า 9 เล็กน้อย แม้จะไม่มีขีดจำกัดว่าขนาดจะมีได้ถึงเท่าใด แผ่นดินไหวใหญ่ล่าสุดที่มีขนาด 9.0 หรือมากกว่า คือ แผ่นดินไหวขนาด 9.0 ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 และเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกในญี่ปุ่น ความรุนแรงของการสั่นสะเทือนวัดโดยมาตราเมร์กัลลีที่ถูกดัดแปลง หากตัวแปรอื่นคงที่ แผ่นดินไหวที่อยู่ตื้นกว่าจะสร้างความเสียหายแก่สิ่งก่อสร้างมากกว่าแผ่นดินไหวที่อยู่ลึกกว่า

ภาพที่เกิดจากแผ่นดินไหว

สาเหตูหลักๆที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวจากการกระทำของมนุษย์

     มีทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การระเบิด การทำเหมือง สร้างอ่างเก็บน้ำหรือเขื่อนใกล้รอยเลื่อน การทำงานของเครื่องจักรกล การจราจร รวมถึงการเก็บขยะนิวเคลียร์ไว้ใต้ดิน เป็นต้น

    การสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งอาจพบปัญหาการเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากน้ำหนักของน้ำในเขื่อนกระตุ้นให้เกิดการปลดปล่อยพลังงาน ทำให้สภาวะความเครียดของแรงในบริเวณนั้นเปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งทำให้แรงดันของน้ำเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดพลังงานต้านทานที่สะสมตัวในชั้นหิน เรียกแผ่นดินไหวลักษณะนี้ว่า แผ่นดินไหวท้องถิ่น ส่วนมากจะมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึก 5-10 กิโลเมตร ขนาดและความถี่ของการเกิดแผ่นดินไหวจะลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่ภาวะปกติ รายงานการเกิดแผ่นดินไหวในลักษณะเช่นนี้เคยมีที่ เขื่อนฮูเวอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2488 แต่มีความรุนแรงเพียงเล็กน้อย เขื่อนการิบา ประเทศซิมบับเว เมื่อ พ.ศ. 2502 เขื่อนครีมัสต้า ประเทศกรีซ เมื่อ พ.ศ. 2506 และครั้งที่มีความรุนแรงครั้งหนึ่งเกิดจากเขื่อนคอยน่า ในประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2508 ซึ่งมีขนาดถึง 6.5 ริกเตอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 180 คน    การทำเหมืองในระดับลึก ซึ่งในการทำเหมืองจะมีการระเบิดหิน ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นได้
    การสูบน้ำใต้ดิน การสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้มากเกินไป รวมถึงการสูบน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ซึ่งอาจทำให้ชั้นหินที่รองรับเกิดการเคลื่อนตัวได้
    การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนจากการทดลองระเบิด ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดผลกระทบต่อชั้นหินที่อยู่ใต้เปลือกโลกได้

 
ซากปรักหักพังของตึกที่เกิดจากแผ่ดินไหว

แผ่นดินไหวตามธรรมชาติ

     แผ่นดินไหวจากธรรมชาติเป็นธรณีพิบัติภัยชนิดหนึ่ง ส่วนมากเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน อันเนื่องมาจากการปลดปล่อยพลังงานเพื่อระบายความเครียด ที่สะสมไว้ภายในโลกออกมาอย่างฉับพลันเพื่อปรับสมดุลของเปลือกโลกให้คงที่ โดยปกติเกิดจากการเคลื่อนไหวของรอยเลื่อน ภายในชั้นเปลือกโลกที่อยู่ด้านนอกสุดของโครงสร้างของโลก มีการเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ อยู่เสมอ (ดู การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก) แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นเมื่อความเค้นอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงมีมากเกินไป ภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยในบริเวณขอบเขตของแผ่นเปลือกโลก ที่ที่แบ่งชั้นเปลือกโลกออกเป็นธรณีภาค (lithosphere) เรียกแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบริเวณขอบเขตของแผ่นเปลือกโลกนี้ว่า แผ่นดินไหวระหว่างแผ่น (interplate earthquake) ซึ่งเกิดได้บ่อยและรุนแรงกว่า แผ่นดินไหวภายในแผ่น (intraplate earthquake)

     ผลกระทบที่เกืดจากแผ่ดินไหว

     ผลกระทบจากแผ่นดินไหว มีทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ทำให้เกิดพื้นดินแตกแยก ภูเขาไฟระเบิด อาคารสิ่งก่อสร้างพังทลาย ไฟไหม้ แก๊สรั่ว ท่อระบายน้ำและท่อประปาแตก คลื่นสึนามิ แผ่นดินถล่ม เส้นทางการคมนาคมเสียหายและถูกตัดขาด ถนนและทางรถไฟบิดเบี้ยวโค้งงอ เกิดโรคระบาด ปัญหาด้านสุขภาพจิตของผู้ประสบภัย ความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงทางเศรษฐกิจ เช่น การสื่อสารโทรคมนาคมขาดช่วง ระบบคอมพิวเตอร์ขัดข้อง การคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศหยุดชะงัก ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งมีผลต่อการลงทุน การประกันภัย และในกรณีที่แผ่นดินไหวมีความรุนแรงมาก เมืองทั้งเมืองอาจถูกทำลายหมด และมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นขี้กระจาย
                                 ภูเขาไฟระเบิดจากแผ่ดินไหว
     ถ้าแผ่นดินไหวเกิดขึ้นใต้ทะเล แรงสั่นสะเทือนอาจจะทำให้เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "สึนามิ" (ญี่ปุ่น: 津波, Tsunami) มีความเร็วคลื่น 600-800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในทะเลเปิด ส่วนใหญ่คลื่นจะมีความสูงไม่เกิน 1 เมตร และสังเกตได้ยาก แต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเคลื่อนถึงใกล้ชายฝั่ง โดยอาจมีความสูงถึง 60 เมตร สามารถก่อให้เกิดน้ำท่วม สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับสิ่งก่อสร้างที่ติดอยู่ชายฝั่งทะเล




                                            แผ่นดินไหวทำให้เกิดสึนามิ
     แนวทางป้องกันความเสียหาย
     ในปัจจุบันมีการสร้างอาคาร ตึกระฟ้าใหม่ ๆ บนหินแข็งในเขตแผ่นดินไหว อาคารเหล่านั้นจะใช้โครงสร้างเหล็กกล้าที่แข็งแรงและขยับเขยื้อนได้ มีประตูและหน้าต่างน้อยแห่ง บางแห่งก็มุงหลังคาด้วยแผ่นยางหรือพลาสติกแทนกระเบื้อง ป้องกันการตกลงมาของกระเบื้องแข็งทำให้ผู้คนบาดเจ็บ ถนนมักจะสร้างให้กว้างเพื่อว่าเมื่อเวลาตึกพังลงมาจะได้ไม่กีดขวางทางจราจร และยังมีการสร้างที่ว่างต่าง ๆ ในเมือง เช่น สวนสาธารณะ ซึ่งผู้คนสามารถจะไปหลบภัยให้พ้นจากการถล่มของอาคารบ้านเรือนได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก - วิกิพีเดีย ภาพประกอบจาก - อินเตอร์เน็ต